เชื่อว่าหลายคนอาจลืมไปแล้วก็ได้ว่า นักแสดงสาวสวยรวยเสน่ห์คนนี้มีดีกรีเป็นถึงรองนางสาวไทย ปี พ.ศ. 2529 รวมทั้งตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสเอเชียแปซิฟิก อีกด้วย
สำหรับ “ปูดำ สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์” อดีตภรรยาคนที่ 4 ของ เจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล เศรษฐีหมื่นล้านผู้ก่อตั้งบริษัทเครือข่ายสัญญาณ ดีแทค
ซึ่งเธอถือว่าเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่อีกคนหนึ่งของวงการละครไทยที่มีผลงานในวงการบันเทิงมากมาย และแม้ว่าจะเลิกรากับ เจ้าสัวบุญชัย มานานกว่า 10 ปีแล้ว
แต่สาเหตุของการเลิกรายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ลือว่าได้ค่าเลี้ยงดูจาก “เจ้าสัว” เดือนละล้าน! แต่ชีวิตดั่งนกน้อยในกรงทอง
อย่างไรก็ตาม ปูดำ สรารัตน์ ยอมรับยังเปิดใจเรื่องความรัก แต่ขอคนพร้อมดูแล เพราะอย่างนี้หรือเปล่าเลยโดยคำนินทาทำร้ายมาทั้งชีวิต ถูกตราหน้าหาว่าเป็นภรรยาลับมาตลอด
ทำไมถึงไม่ออกงานสังคม เพราะช้ำจากคำนินทา?
“พี่มีความรู้สึกว่าสังคมคนเรา ถ้าอยู่เกิน 2-3 คนขึ้นไปมันจะเริ่มสนทนาเรื่องคนอื่น บางอย่างไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นเรื่องจริง แล้วมักจะถูกแอบอ้างชื่อไป
ในสถานการณ์ต่างๆ เรามีความรู้สึกว่าเราก็เป็น คนอื่นก็เป็น ถ้าเกิดเขาเป็นแล้วเขาอยู่ในวงการ เขาก็ยังมีโอกาสแก้ แต่อย่างพี่อาจจะไม่ได้มีงานทุกวัน บางทีพี่ก็รู้สึกว่ามันน่ารำคาญถูกดึงชื่อเราไปแล้วเอาไปใช้
ก็เลยรู้สึกว่าเก็บตัวดีกว่า แล้วให้คนที่เขาวิพากษ์เรา ให้เขาคาดเดากันต่อไป เราผิดเองที่เราไม่ได้ทำตัวชัดเจน”
เห็นว่ามีนินทาว่าเป็นภรรยาลับบ้าง ซึ่งตอนนั้นพี่ปูเองก็เคยบอกว่าเคยเลือกเดินทางผิด เลือกคนผิด?
“ตอนสมัยที่ประกวดนางงาม แล้วมีชีวิตที่พีคสุดๆ ก็มีบุคคลให้เลือกมากมาย เข้ามาให้เลือกทุกอาชีพ แล้วเราก็คิดว่าบุคคลที่เราเลือกเป็นคนสุดท้าย
เป็นคนที่เราตัดสินใจเลือกแล้ว แต่พอเราเลือกไปแล้วมันไม่ได้ เป็นอย่างที่เราคาดหวัง จนมาสักระยะเรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว
เริ่มเสียเวลาเสียโอกาสชีวิตแล้ว เพราะเรากลับไปเป็นรองนางสาวไทยไม่ได้แล้ว กลับไปเป็นรองมิสเอเชียไม่ได้
แต่ตอนนั้นใครๆ ก็เข้ามาหาเราเยอะแยะมากมาย แต่เราไม่เลือก แต่พอเราเลือกกลับกลายเป็นเลือกผิด”
ตอนสาวๆ มีคนรุมจีบเยอะมาก แล้วมีมาเสนอให้เดือนละล้านจริงหรอ?
“จริงๆ เขามาเสนอให้เรามันมากกว่าหลักล้านอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบ้าน เป็นรถ เป็นอะไร ตอนนั้นเราคิดเยอะ เพราะเรากำลังรุ่งเรืองสุดขีด

แล้วผู้ใหญ่ที่มาเสนอให้เราก็เป็นผู้ใหญ่จริงๆ ซึ่งเราไม่เคยเชื่อเลยว่าพวกท่านจะไม่มีครอบครัว ข่าวก็บอกว่าท่านมีครอบครัวแทบทุกคน เราจึงไม่เลือกไง”
ตอนนั้นเสียใจขนาดไหน คนที่เรารัก เอาเราไปยกให้คนอื่น ?
“ตอนนั้นเราก็ยังเด็กอยู่ รู้แต่ว่าเอาละ เราต้องหาเป้าหมายใหม่แล้วที่จะมองแล้วใช่ มองอย่างนี้เรายังมองพลาดเลย แล้วเราก็พลาดซ้ำสองอีกในเวลาอีกไม่นาน”
เห็นว่ามีจ้างคนมาสะกดรอยตาม?
“ใช่ๆ เอารถมาจอดหน้าบ้าน เอารถทหารมาจอดหน้าบ้าน เอารถมาเฝ้าหน้าบ้าน เราผวาไปช่วงนึงได้ แล้ววันนึงเรารีบเลือก แล้วก็แจ็กพอร์ตพอดี”
เห็นว่ามีครั้งนึงพี่ปูเกือบได้แต่งงาน?
“ใช่ค่ะ ตอนนั้นประกวดนางงามที่ต่างจังหวัด นางสาวเชียงใหม่ ก็หลงรักผู้ชายคนนึง คิดว่าคงได้แต่งแล้วแหละ
พี่ไม่อยากคุยเรื่องความรัก เพราะเมื่อกี้เราคุยกันมา เราเล่นกันมาเกือบ 10 คนละ พอคุยกันมาปุ๊บคนจะบอกว่า
เราเปลี่ยนอีกแล้ว ถ้าเกิดเราไม่ได้มานั่งคุยเราก็จะไม่ทราบสาเหตุที่เราเปลี่ยนเป็นเพราะอะไร เราถูกอถูกใช้ ถูกอะไรมาบ้าง
คนที่วิพากษ์วิจารณ์คิดว่า เปลี่ยนผู้ชายอีกแล้ว คนจะพูดแต่คำนี้ แต่คนไม่รู้หรอกว่าเขาหลอกมันกลับเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเลย”
ถามว่า ณ วันนี้ช้ำไหม ไม่นะ คนที่คุยๆ อยู่ตอนนี้เป็นลักษณะแบบไหน?
“ตอนนี้ที่คุยๆ ทั้งในเฟซและในชีวิตจริงก็เป็นการคุยกันเหมือนเพื่อน แต่เรื่องที่จะมาดูแลคุ้มครองเรา พี่มองว่าพี่อยู่ ในวัยซึ่งไม่มีใครมาดูแลเรา มันต้องผู้ใหญ่มากๆ”
ทั้งชีวิตเจอคำนินทาตลอด บางทีได้ยินกับหูเลย มีเรื่องอะไรบ้าง?
“อย่างสมัยก่อน พี่มีผู้จัดการคนนึง ไปไหน ไปด้วยกัน ขำมากเลยอยากทานฝรั่ง แล้วให้พี่เลี้ยงไปซื้อ
เราเห็นว่านานเลยตามไปดู เขาบอกว่าไป แล้วมาบอกว่าเมื่อกี้เข้ามาทำไม ขัดจังหวะ กำลังเม้าท์เลย บ้านอยู่ติดกันเลย
คนนี้เป็นเมียรัฐมนตรี รัฐมนตรีเลี้ยงอยู่ เม้าท์สารพัด ทั้งที่ผู้จัดการก็อยู่กับเรามานาน”
ที่มา: