เรียกได้ว่าเป็นตำนานซินเดอเรลล่าแห่งเมืองไทยเลยก็ว่าได้ สำหรับ “มูนา อัล ซารูณีย์” สาวไทยผู้โชคดีที่ได้เป็นภรรยาของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทายาทของตระกูลที่ขึ้นชื่อว่ารวยที่สุดในดูไบ
โดยชีวิตในวัยเด็กของ “มูนา” เธอมีชื่อว่า “ปิยะดา” เติบโตมาในครอบครัวที่พอมีฐานะไม่ได้ลำบากอะไร คุณพ่อมีอาชีพเป็นข้าราชการตำรวจ ส่วนคุณแม่ทำธุรกิจขายเครื่องเพชร
เธอเคยผ่านการแต่งงานกับสามีชาวไทยมาก่อน และมีลูกชายด้วยกัน 2 คน แต่สุดท้ายความรักก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง จึงต้องจบลงด้วยการแยกทางกัน
ในวัยเด็กนั้น มูนา มีชื่อจริงว่า ปิยะดา เติบโตมาในครอบครัวที่พอมีฐานะไม่ได้ลำบากอะไร คุณพ่อมีอาชีพเป็นข้าราชการตำรวจ ส่วนคุณแม่ทำธุรกิจขายเครื่องเพชร
ถึงแม้ว่าในวัยเด็กจะเรียนหนังสือไม่เก่ง แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิงที่มีความขยันขันแข็งพร้อมมีหัวด้านการค้า
มูนา อัล ซารูณีย์ จึงเปิดบริษัททัวร์ร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งกิจการนี้ก็เป็นไปได้สวย มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการทุกระดับ
ไม่เว้นแม้กระทั่งเศรษฐีหนุ่มชาวดูไบ อาเหม็ดณูร์ อัล ซารูณีย์ ที่มาใช้บริการทัวร์ของเธออยู่บ่อยครั้ง
อีกทั้งยังเดินหน้าจีบเธอแบบเต็มกำลัง ถึงขนาดยอมบินไปกลับไทยกับดูไบเพื่อมาหาเธอบ่อยครั้ง และยังโทรหาข้ามประเทศจนหมดเงินค่าโทรศัพท์เดือนละหลายแสน
แถมยังโอนเงินสดมาให้เธอกว่า 1 ล้านบาท เพื่อให้ไปซื้อรถคันใหม่ขับ แม้ว่าในตอนแรกมูนาจะไม่ได้สนใจผู้ชายคนนี้มากนัก แต่จากความทุ่มเทพยายามนานนับปี ทำให้เธอเริ่มเห็นถึงความจริงใจ
จนในที่สุดเธอจึงยอมตอบตกลงแต่งงานกับเศรษฐีหนุ่มชาวดูไบคนนี้ และเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลา และเปลี่ยนชื่อจริงจาก ปิยะดา เป็น มูนา ตั้งแต่นั้นมา
จนกระทั่งทั้งสองมีลูกสาวและลูกชายด้วยกันสองคน มูนาจึงตัดสินใจย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ดูไบ ซึ่งต้องปรับตัวหลายอย่างเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมที่นั่น

อีกทั้งเธอยังเป็นสะใภ้ใหญ่ของครอบครัวที่รวยเป็นอันดับ 5 ของประเทศ เธอจึงต้องปรับเปลี่ยนการแต่งตัวให้สมฐานะ ทั้งเครื่องประดับเพชรพลอยต่างๆ ให้ไม่น้อยหน้าใคร
และยังคอยใจแม่สามีอย่างดี จนทำให้เธอได้ขึ้นมาเป็นสะใภ้คนโปรด ที่สะใภ้คนอื่นๆ ต้องเชื่อฟัง
หลังจากแต่งงานแล้ว มูนา ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานอะไรอีกเลย แค่อยู่เฉยๆ ก็ได้เงินเดือนจากสามีของเธอไม่เคยขาด
หากคิดเป็นเงินไทยก็เฉลี่ยแล้วประมาณ 7 หลักต่อเดือน (บ้างก็ว่าเธอได้เดือนละ 10 ล้าน) เงินที่ได้มาเธอก็จะเอาไปซื้อเครื่องเพชรเก็บไว้ใส่ เผื่อเวลาที่มีงานสำคัญอะไร จะได้ไม่ต้องออกไปหาซื้อให้ยุ่งยาก
ที่เธอต้องทำจริงๆ ก็มีเพียงแค่ดูแลความเรียบร้อยของบ้านและอบรมสั่งสอนลูกๆ เท่านั้น
ส่วนบั้นปลายชีวิตเธอบอกไม่ได้หวังอะไรอีกแล้ว นอกจากขอแค่มีความสุขในทุกวัน มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงก็เพียงพอแล้ว
เพราะลูกๆ ต่างก็เรียนจบมีครอบครัวกันแล้ว และยังมีหลานตัวน้อยๆ ให้เธออุ้มเล่น
ซึ่งเธอก็คงจะใช้ชีวิตที่ดูไบเป็นหลัก เพราะอยู่มานานกว่า 30 ปีแล้ว จนกลายเป็นความเคยชิน และยังมีทรัพย์สินที่นั่นให้ต้องดูแลอีกด้วย
ชมคลิป
เรียบเรียงโดย: Skynewsone