เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ทางด้าน นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่น มูลค่า 17 ล้านล้านเยน
หรือ 113,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.07 ล้านล้านบาท) เพื่อมุ่งบรรเทาผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อสูง
นายคิชิดะ ได้ประกาศมาตรการนี้่ในระหว่างการประชุมร่วมกับคณะรัฐบาล โดยกล่าวว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้จะอยู่ที่ระดับต่ำประมาณ 17 ล้านล้านเยน
และชี้ว่าเสาหลักสำคัญที่สุดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมเหล่านี้คือ การเสริมสร้างความสามารถในระบบอุปทานเพื่อเพิ่มอำนาจในการสร้างรายได้ของบริษัทต่างๆ
คาดว่ารัฐบาลคิชิดะจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง แต่รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่าแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวของรัฐบาลจะมีมูลค่า 37.4 ล้านล้านเยน เมื่อรวมการใช้จ่ายของภาคเอกชนด้วย
โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเกี่ยวข้องกับการลดภาษีเงินได้และที่อยู่อาศัย 40,000 เยน(ราว 9,600 บาท)ต่อคน การแจกเงินสด 70,000 เยน (ราว 16,700 บาท) ให้กับครัวเรือนที่มีรายได้น้อย
เพิ่มการอุดหนุนเชื้อเพลิง และจะมีกองทุนส่งเสริมการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ที่รวมถึงอุตสาหกรรมผลิตชิปและด้านอวกาศ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้ญี่ปุ่นมีหนี้เพิ่มขึ้น จากที่มีอยู่แล้วในสัดส่วนสูงถึง 261% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ในปี 2022 ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราส่วนหนี้ต่อจีดีพีสูงที่สุดในโลก
ก่อนหน้านี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้อัดฉีดเงินหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มา: Matichon