วันที่ 18 พ.ย.2566 ทางด้าน นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์กล่าว ปฐกถาพิเศษ เรื่อง 90 ปีหอการค้าไทย กับ การพัฒนาของเศรษฐกิจไทย ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ
ครั้งที่ 41 ระหว่าง 18 – 19 พ.ย. 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) กรุงเทพฯว่า…
วันนี้เศรษฐกิจโลกไม่ปกติกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติ เชื่อมั่นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสินท นายกรัฐมนตรีเข้ามาในเวลาที่ถูกต้อง เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งนี้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่ใช่วิธีปกติ
ผมสนับสนุนและเห็นด้วยกับมาตรการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท โดยนักธุรกิจทุกคนต้องช่วยกันพูดและอธิบายว่าไม่ใช่มาตรการช่วยเหลือคนจน
แต่เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ไม่ปกติ รวมไปถึงมาตรการการพักหนี้เกษตรกรก็เป็นนโยบายที่ดีที่จะสนับสนุนจะให้เกษตรกรมีรายได้ที่สูงขึ้น
ผม ยืนยันว่าทั้ง 2 มาตรการการดังกล่าวจะไม่ทำให้ประเทศไทยเสียวินัยการเงินการคลัง แน่นอน เนื่องจากปัจจุบันไทยมีวินัยการเงินอยู่ในอันดับท็อปของโลก มีหนี้ต่อ จีดีพีเพียง 61% เท่านั้น
ขณะที่ประเทศอื่น เช่น สหรัฐอเมริกา มีหนี้100%ต่อจีดีพี ผมมีความเชื่อมั่นรัฐบาลชุดใหม่มาก โดยเฉพาะนายกเศรษฐาซึ่งในอดีตเป็นนักธุรกิอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลงานโดดเด่น
และยังมีความสามารถในการบริหารการเงินคลังยอดเยี่ยม มั่นใจว่าทุกมาตรการของรัฐบาล ที่ออกมาทำถูกต้องแล้ว
นายธนินท์ กล่าวต่อว่า ตนมีความเชื่อมั่นว่าว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกเศรษฐา จะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้รุ่งเรืองได้แน่นอน
หากรัฐบาล นักธุรกิจ นักการเมืองทุกพรรค มองประโยชน์ ของประเทศชาติและประชาชามาก่อนผลประโยชน์ส่วนตัว วันนี้รัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น กลางและยาว เพราะวินัยการเงินเรายังยอดเยี่ยม
อย่าไปกลัวเรื่องเงินเฟ้อสูง ผมมองว่าเงินฝืดอันตรายกว่าเพราะถ้าความดันต่ำจะทำให้หัวใจหยุดเต้นทำให้เศรษฐกิจไทยล้มละลายได้ แต่ถ้าเงินเฟ้อสูงก็เหมือนความดันสูงยังกินยารักษาได้
อย่างไรก็ตาม ไทยและประเทศ10 ชาติในอาเซียนยังเป็นประเทศที่เนื้อหอมที่ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนเพราะเศรษฐกิจยังเติบโตได้ และมีความปลอดภัยสูงไม่มีภาวะสงคราม
ที่มา: Khaosod