ผู้เสียหายกว่า 500 คน ร้องทนายรณรงค์ หลังซื้อหุ้นกู้ JKN เสียหายกว่า 3,200 ล้าน

วันที่ 21 พ.ย.66 ที่สำนักงาน เครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตัวแทนผู้เสียหายที่ซื้อหุ้นกู้ JKN

ผู้เสียหายกว่า 500 คน ร้องทนายรณรงค์ หลังซื้อหุ้นกู้ JKN เสียหายกว่า 3,200 ล้าน

เดินทางเข้าร้องเรียนปรึกษากับ ทนายรณณงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังผู้เสียหายทั้งหมดประมาณ 500 กว่าคนซื้อหุ้นกู้ของบริษัท JKN รวมมูลค่าหุ้นกู้เป็นเงินกว่า 3,200 ล้านบาท

แต่ผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้กลับได้รับความเดือดร้อน จากกรณีบริษัท JKN ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและผู้เสนอจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการผ่าน กลต.

ต่อมาทางศาลล้มละลายกลางพิจารณาคุ้มครองบริษัท JKN โดยไม่ต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยให้ผู้ถือหุ้นกู้ในส่วนนี้

ผู้เสียหายกว่า 500 คน ร้องทนายรณรงค์ หลังซื้อหุ้นกู้ JKN เสียหายกว่า 3,200 ล้าน

นายพรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เนื่องจากตนมีข้อสงสัยและต้องการให้ตรวจสอบเชิงลึกในประเด็นต่างๆ ทั้งการลงทุน

โดยเฉพาะการซื้อขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากต่างประเทศ และธุรกิจประกวดนางงามในต่างประเทศที่ทำให้ JKN ต้องจ่ายต้นทุนค่าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างๆ

โดยมีการแจ้งสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนสูงถึง 7,728.85 ล้านบาท มูลค่าลูกหนี้การค้าสูงถึง 2,307.01 ล้านบาท จากรายงานการเงิน ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าการลงทุนดังกล่าว เป็นการลงทุนที่มีอยู่จริงหรือไม่

นอกจากนี้การร่วมลงทุนกับบริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิทัล มีเดีย จำกัด ไม่มีการชี้แจงว่าเงินลงทุนจำนวนนี้อยู่ที่ไหน เหตุใดบริษัทจึงไม่นำมาชำระหนี้สินให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้

แต่หลังจากที่มีเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท JKN แล้ว การใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของซีอีโอบริษัทที่นำเสนอต่อสื่อต่างๆ พบว่ามีทรัพย์สินส่วนตัวมากมาย ใช้ชีวิตหรูหรา สวนทางกับสถานการณ์การดำเนินงานของบริษัท

จนเป็นที่น่าสงสัยว่าเป็นการโอนทรัพย์สินของบริษัทไปเป็นส่วนตัวและเครือญาติหรือไม่ ดังนั้นผู้ถือหุ้นกู้อยากให้ตรวจสอบข้อมูลงบการเงินและเส้นทางการเงินของบริษัทรวมทั้งกรรมการผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นกรณีพิเศษ

เนื่องจากพบว่าสถานะทางการเงินของบริษัทไม่ได้อยู่ในภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว บริษัทยังมีสินทรัพย์และลูกหนี้ค้างจ่ายจำนวนมาก รวมทั้งขยายธุรกิจการลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศ

อาทิ สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีอาศัยประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมาย และขอให้อายัดทรัพย์สินของบริษัทและกรรมการที่เกี่ยวข้อง ห้ามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเดินทางออกราชอาณาจักร จนกว่าจะพิจารณาคดีแล้วเสร็จ

ผู้เสียหายกว่า 500 คน ร้องทนายรณรงค์ หลังซื้อหุ้นกู้ JKN เสียหายกว่า 3,200 ล้าน

น.ส.ศุภร ผู้ถือหุ้นกู้อีกราย กล่าวว่า เดินมาขอคำแนะนำทางด้านกฏหมาย และเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้ถือหุ้นกู้ เนื่องจากทางบริษัท JKN ยื่นฟื้นฟูต่อศาลโดยไม่แจ้งผู้ถือหุ้น

ทำให้ผู้ถือหุ้นเป็นกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินคืน จึงอยากให้ กลต.ตรวจสอบด้านการเงินของบริษัท เพราะจากที่ทราบการเงินของบริษัทยังไม่ได้ขาดทุน และเมื่อศาลสั่งคุ้มครองทางผู้ถือหุ้นกู้ก็เป็นกังวลกันว่าจะไม่ได้เงินคืน

เพราะไม่สามารถทวงเงินคืนได้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งทั้งหมดตอนนี้มีผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมด 7 รุ่น ในกลุ่มของตนที่รวบรวมมาได้ประมาณ 500 กว่าราย

มูลค่าความเสียหายแต่ละซื้อหุ้นไว้มีตั้งแต่ 1 แสนบาทไปจนถึง 7 ล้านบาท จึงเกิดความกังวลว่าจะไม่ได้เงินต้นคืน

ผู้เสียหายกว่า 500 คน ร้องทนายรณรงค์ หลังซื้อหุ้นกู้ JKN เสียหายกว่า 3,200 ล้าน

“อยากให้ กลต.เข้าตรวจสอบบัญชีแบบเร่งด่วน นอกจากนี้การใช้ชีวิตของซีอีโอยังหรูหราเหมือนเดิม ทำให้ทางผู้ถือหุ้นกังวลว่าจะมีการโยกย้ายทรัพย์สินไปทางอื่นหรือไม่

เรื่องนี้ทาง กลต.รับเรื่องที่ยื่นไปแล้ว แต่ไม่มีคำตอบให้กับผู้ถือหุ้นว่าจะมีการดำเนินการตรวจสอบอย่างไร ตอนนี้ผู้ถือหุ้นทุกรายต้องการเงินต้นคืนทั้งหมด”

ผู้เสียหายกว่า 500 คน ร้องทนายรณรงค์ หลังซื้อหุ้นกู้ JKN เสียหายกว่า 3,200 ล้าน

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าวว่า ในขบวนการของศาลล้มละลายนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งก็จะส่งผลให้เจ้าหนี้ไม่ต้องชำระหนี้ ภาระเหล่านี้ตกอยู่ที่ผู้ถือหุ้นกู้แทน ดังนั้นกลุ่มผู้ถือหุ้นต้องแต่งตั้งตัวแทนเพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ต่อไป

ตนขอตั้งสังเกตว่าเรื่องนี้ กลต.เป็นผู้อนุมัติให้บริษัทนำหุ้นมาออกขายให้กับผู้ถือหุ้นได้ ซึ่งหากตนนำกลุ่มผู้ถือหุ้นไปร้องเรียน กลต.และ กลต.ก็ตรวจกันเอง ตนมองว่าอาจใช้ระยะเวลานาน

ซึ่งในกรณีนี้วงเงินความเสียหายเกิน 100 ล้านบาทไปแล้ว เข้าข่ายที่ ทางดีเอสไอต้องเข้ามาดูแลและรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ จึงอยากให้ดีเอสไอเร่งตรวจสอบในเรื่องนี้เร่งด่วน

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์

หลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานผู้ถือหุ้นทั้งหมด เพื่อยื่นเรื่องต่ออธิบดีดีเอสไอและจะนำเรื่องยื่นเรื่องต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งมีการพูดถึงความเป็นห่วงในเรื่องสภาวะตลาดหุ้นของไทยไป

เพราะหุ้นนี้ได้ถูกซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้กำกับดูแล ดังนั้นต้องคุ้มครองให้กับผู้ถือหุ้นหรือผู้ลงทุน เพราะเป็นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยที่มีความน่าเชื่อถือ

ผู้เสียหายกว่า 500 คน ร้องทนายรณรงค์ หลังซื้อหุ้นกู้ JKN เสียหายกว่า 3,200 ล้าน

ที่มา: Khaosod